เช็คเบี้ยได้ตลอดเวลา 24 ชม. ทั่วโลก
สามารถได้รับ ความคุ้มครองทันที
ผ่อนชําระได้นาน 10 เดือน
คืนเงินหากที่อื่น ถูกกว่า
สามารถยกเลิก กรมธรรม์ได้ตลอดเวลา
มีบริการหลังการขายที่ดี
ซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภทไหนดีที่สุด ?
โดยปกติแล้วประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 จะเป็นประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองครอบคลุมที่สุดในบรรดาประกันภัยภาคสมัครใจทั้งหมดของประกันภัยรถยนต์ ซึ่งทางเราก็อยากจะแนะนำว่า หากมีโอกาส ก็อยากให้ผู้เอาประกันภัยทุกคน ซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 ไว้คู่กับรถของท่าน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบางท่านอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่ไม่อยากซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 ไม่ว่าจะเนื่องด้วย ค่าเบี้ยประกันภัยสูง ไม่ค่อยได้ขับขี่รถคันนั้น ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจอีก 2 ประเภท ที่ทางเราอยากจะแนะนำก็คือ ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ และ ประเภท 3+ เนื่องจากมีความคุ้มครองน้อยกว่าประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 เพียงเล็กน้อย และยังคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบกซึ่งหมายถึงรถเดินด้วยกำลังเครื่องยนต์โดยใช้พลังงานเชื้อเพลิงเช่นน้ำมันก๊าซหรือกำลังไฟฟ้าและรวมไปถึงรถไฟรถราง ซึ่งทางผู้เอาประกันภัยสามารถเลือกทุนประกันภัยในส่วนของตัวรถยนต์ได้ตั้งแต่ 50,000 บาทเป็นต้นไป โดยค่าเบี้ยเริ่มต้นอยู่หลักพันเท่านั้น ส่วนประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3 จะคุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ซึ่งจะเป็นประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท ที่คุ้มครองน้อยที่สุด
ซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจกับบริษัทอะไรดี ?
ปัจจุบัน บริษัทประกันภัยที่ขายประกันภัยรถยนต์มีทั้งสิ้นเกือบ 50 บริษัทประกันภัยด้วยกัน ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีจุดแข็งของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การบริการรวดเร็ว จำนวนสาขาที่ครอบคุลม จำนวนห้างในสัญญา/อู่ในสัญญาที่ครอบคลุม การให้บริการเสริมด้านต่างๆ ค่าเบี้ยแข่งขัน เป็นต้น ซึ่งทางผู้เอาประกันภัยอาจจะต้องมาพิจารณาดูในแต่ละข้อว่าข้อไหนเป็นข้อที่ทางผู้เอาประกันภัยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าหากรู้แล้วก็จะง่ายสำหรับผู้เอาประกันภัยในการพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัยรถยนต์ โดยเบื้องต้นทางเราได้มีการคัดกรองบริษัทประกันภัยที่ดีมาให้ทางผู้เอาประกันภัยได้เลือกพิจารณาผ่านช่องทางการเสนอขายผ่านทางออนไลน์ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งทางผู้เอาประกันภัยอาจจะต้อง เลือกประกันภัยที่ทางผู้เอาประกันภัยสบายใจในการซื้อ ซึ่งทางที่ดี ทางผู้เอาประกันภัย ควรจะเลือกซื้อประกันภัยที่ดีที่สุดสำหรับทางผู้เอาประกันภัย ไม่ใช่ประกันภัยที่ถูกที่สุด เนื่องจากการการซื้อประกันภัยรถยนต์นั้น คือการที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับบริการจากผู้ให้ประกันภัยไปอีก 1 ปี ดังนั้น ประกันภัยที่ถูกที่สุด อาจจะไม่ได้ใช่คำตอบสุดท้ายในการเลือกซื้อประกันภัย ซึ่งหากมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามมายังเจ้าหน้าที่ของทางเราได้ตลอด โดยสามารถสอบถามผ่านทาง webchat ของเรา หรือว่าให้เบอร์ติดต่อกลับมายังเราเพื่อให้เจ้าหน้าที่โทรไปให้คำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเลือกประกันภัยในปีต่ออายุ
ทำไมทุนประกันภัยต่อตัวรถที่เอาประกันภัย ถึงต่ำกว่าราคาตลาดของรถที่ทำประกัน
สาเหตุหลักๆเลยก็คือ
ทุนประกันภัยต่อตัวรถ เบื้องต้นคำนวณโดยหลักการไหน
ซึ่งประกันภัยจะจ่ายทุนประกันภัยให้กับผู้เอาประกันภัยก็ต่อเมื่อ คือ ค่าสินไหมที่บริษัทประกันภัยจะต้องจ่ายให้กับ ผู้เอาประกันภัยรถยนต์ในกรณีที่ทรัพย์สินนั้นได้รับความเสียหายโดยสิ้นเชิง หรือเกิน 70% ของทุนประกันภัยต่อตัวรถ
อะไรคือ ซ่อมห้าง ซ่อมศูนย์ หรือ ซ่อมอู่ ?
โดยปกติแล้ว เงื่อนไขการรับประกันภัยรถยนต์ของบริษัทประกันภัยทั่วไปจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน คือ
ถ้าซื้อเงื่อนไขซ่อมห้าง (ซ่อมศูนย์) สามารถเข้าซ่อม Dealer ที่ไหนก็ได้เลยใช่ไหม ?
ข้อนี้เป็นข้อที่ผู้เอาประกันภัยส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่าเวลาซื้อประกันภัยซ่อมห้าง แล้วกรณีเกิดอุบัติเหตุ ทางผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถไปซ่อมกับ Dealer ที่ไหนก็ได้ ซึ่งจริงๆแล้ว ผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าซ่อมได้เฉพาะ Dealer ที่เป็นห้างในสัญญาของประกันภัยของเจ้าที่ผู้เอาประกันภัยใช้บริการเท่านั้น ดังนั้น ก่อนจะซื้อประกันภัยซ่อมห้าง ผู้เอาประกันภัย อาจจะต้องตรวจสอบก่อนว่า ประกันภัยแต่ละยี่ห้อสามารถเข้าห้างไหนได้บ้าง หรือ ถ้าจะเข้ารับบริการที่ Dealer เจ้าไหน Dealer เจ้านั้นเป็นห้างในสัญญาของบริษัทประกันภัยอะไรบ้าง
ถ้าซื้อเงื่อนไขซ่อมอู่ สามารถเข้าซ่อมอู่ซ่อมสี ที่ไหนก็ได้เลยใช่ไหม ?
ข้อนี้เป็นข้อที่ผู้เอาประกันภัยส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่าเวลาซื้อประกันภัยซ่อมอู่เช่นกัน แล้วกรณีเกิดอุบัติเหตุ ทางผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถไปซ่อมกับ อู่ซ่อมสี ที่ไหนก็ได้ ซึ่งจริงๆแล้ว ผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าซ่อมได้เฉพาะ อู่ซ่อมสี ที่เป็นอู่ในสัญญาของประกันภัยของเจ้าที่ผู้เอาประกันภัยใช้บริการเท่านั้น ดังนั้น ก่อนจะซื้อประกันภัยซ่อมอู่ ผู้เอาประกันภัย อาจจะต้องตรวจสอบก่อนว่า ประกันภัยแต่ละยี่ห้อสามารถเข้าอู่ไหนได้บ้าง หรือ ถ้าจะเข้ารับบริการที่อู่ เจ้าไหน อู่เจ้านั้นเป็นอู่ในสัญญาของบริษัทประกันภัยอะไรบ้าง
หากชำระค่าเบี้ยประกันภัยแล้ว รถที่แจ้งทำประกันภัยจะถูกคุ้มครองเลยหรือไม่
โดยปกติแล้ว รถยนต์ที่มีการชำระค่าเบี้ยประกันภัยเข้ามาแล้ว จะได้รับความคุ้มครองตามวันที่ระบุให้เริ่มคุ้มครอง หรือหากระบุให้เริ่มคุ้มครองเลย ก็จะคุ้มครองทันทีที่มีหลักฐานชำระเงินเข้ามา อย่างไรก็ตาม หากเป็นประกันภัยประเภท 1 จะได้รับความคุ้มครองเหมือนประกันภัยประเภท 3 ก่อน หากจะให้คุ้มครองในส่วนตัวรถยนต์ของทางผู้เอาประกันภัย จะต้องได้รับการตรวจสภาพ หรือถ่ายรูปจากเจ้าหน้าที่ก่อนเท่านั้น
หากเกิดอุบัติเหตุ ต้องติดต่อไปที่เบอร์อะไร ?
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทุกกรมธรรม์จะมีเบอร์ติดต่อประกันภัยแต่ละเจ้าที่ทางผู้เอาประกันภัยทำด้วยอยู่แล้ว ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นทางผู้เอาประกันสามารถโทรไปยังบริษัทประกันภัย เพื่อดำเนินการให้เจ้าหน้าที่เคลมมาบริการ ณ จุดเกิดเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง
1.) ระบุชื่อผู้ขับขี่?
การระบุชื่อผู้ขับขี่ เบี้ยประกันจะถูกกว่าไม่ระบุชื่อ หากมีการระบุชื่อจะมีส่วนลดโดยกำหนดตามอายุของผู้ขับขี่ ดังนี้ อายุ 18 - 24 ปี ลด 5% อายุ 25 - 35 ปี ลด 10% อายุ 36 - 50 ปี ลด 15% อายุ 50 ปีขึ้นไป ลด 20%. ทั้งนี้ สามารถระบุชื่อผู้ขับขี่ได้ 2 คน โดยจะคิดค่าเบี้ยประกันจากผู้ขับขี่ที่มีอายุความเสี่ยงสูง อย่างไรก็ตาม เบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันภัยบางบริษัท แบบไม่ระบุผู้ขับขี่ อาจจะถูกกว่าเบี้ยประกันภัยแบบระบุผู้ขับขี่ เนื่องจากเป็นเบี้ยประกันภัยพิเศษที่เป็น Campaign ของแต่ละช่วง อย่างไรก็ตาม หากอยากได้เบี้ยประกันภัยแบบระบุผู้ขับขี่มาเปรียบเทียบ ผู้เอาประกันภัยสามารถแจ้งความประสงค์มาที่เจ้าหน้าที่ของทางเรา เพื่อดำเนินการออกข้อเสนอแบบระบุชื่อ แต่ถ้ามีการทำประกันภัยแบบระบุชื่อผู้ขับขี่ แล้วเกิดอุบัติเหตุ หากผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด(รวมถึงไม่สามารถแจ้งคู่กรณีได้) และผู้ขับไม่ใช่บุคคลตามที่ระบุ กรณีความเสียหายตัวรถยนต์คันเอาประกันภัย ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 6,000 บาท นอกจากนี้กรณีความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก หรือรถยนต์คู่กรณี ผู้เอาประกันต้องรับผิดชอบความเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ส่วนในกรณีที่เป็นฝ่ายถูก ผู้เอาประกันไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก
2.) การระบุค่าเสียหายส่วนแรก
โดยปกติแล้ว การระบุค่าเสียหายส่วนแรกเข้าไปในกรมธรรม์ จะระบุได้ตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท เนื่องจากเป็นตัวเลขที่คุ้มค่าที่สุดในการระบุค่าเสียหายส่วนแรก โดยหากมีการระบุค่าเสียหายส่วนแรก 5,000 บาท ก็จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันภัยได้ถึง 5,000 บาท จากเบี้ยประกันภัยมาตรฐานของทางบริษัท (บางบริษัทอาจจะได้ไม่ถึง เนื่องจากค่าเบี้ยมาตรฐานที่เสนอมานั้นเป็นเบี้ย Campaign แล้ว) อย่างไรก็ดี การที่เราระบุค่าเสียหายส่วนแรกเข้าไปนั้น อาจจะทำให้เราเสียผลประโยชน์มากกว่าได้รับผลประโยชน์ก็เป็นได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้นในรอบกรมธรรม์นั้น ซึ่งผู้เอาประกันภัยอาจจะต้องคิดคำนวนว่าได้คุ้มเสียหรือไม่ในส่วนนี้ ซึ่งถ้าผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ทางเราแนะนำว่าไม่ต้องระบุค่าเสียหายส่วนแรกน่าจะดีกว่า
3.) ซ่อมอู่ประกัน
โดยปกติแล้ว ค่าเบี้ยประกันซ่อมอู่ / ซ่อมห้าง จะห่างกันประมาณ 15% - 30% แล้วแต่บริษัท ซึ่งหากทางผู้เอาประกันภัยมีอู่ที่ไว้ใจคุณภาพเรื่องการซ่อมอู่แล้ว โดยเดียวนี้อู่ทำสีดีๆก็จะมีการรับประกันผลงานสี เกือบทุกราย ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อเงื่อนไขซ่อมห้างก็ได้ เพราะจะทำให้ประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยได้ และได้รับมาตรฐานการซ่อมสีที่ใกล้เคียงกัน
4.) ติดกล้องติดรถยนต์
ติดตั้งกล้องติดรถยนต์พร้อมเมมโมรี่การ์ดที่นอกจากเป็นหลักฐานที่ใช้ในที่เกิดเหตุได้แล้ว ยังได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ทุกชั้นเพิ่มอีก 5-10% จากราคาเบี้ยสุทธิตามประกาศของ คปภ. ซึ่งทางเราแนะนำว่าไม่ว่าจะได้ส่วนลดหรือไม่ได้ส่วนลดในการทำค่าเบี้ยประกันภัย ทางผู้เอาประกันภัยก็ควรติดตั้งกล้องติดรถยนต์ไว้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ณ จุดเกิดเหตุอยู่ดี เนื่องจากปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่ามีคนใช้คลิปจากกล้องติดรถยนต์ในการปฎิเสธข้อกล่าวหาของคู่กรณีได้หลายครั้ง