อะไรคือประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ ?

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงกับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 ต่างแค่คุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนของรถยนต์เท่านั้น โดยออกแบบมาเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองใกล้เคียงประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 โดยที่สามารถประหยัดค่าเบี้ยได้ระดับหนึ่ง

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ คุ้มครองใครบ้าง ?

• คู่กรณี (บุคคล/ทรัพย์สิน)
• ตัวรถยนต์ของเรา (กรณีชนกับยานพาหนะทางบก, ไฟไหม้, สูญหาย)
• ตัวผู้ขับขี่
• ผู้โดยสาร

ทำประกันภัยประเภท 2+ ไม่มี Deduct แต่ทำไม่โดนเก็บ Deduct ?

บางครั้งผู้เอาประกันภัยจะเข้าใจผิดว่า กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ ที่ไม่ได้ระบุค่าเสียหายส่วนแรก (Deduct) จะไม่ต้องเสียค่า Deduct ทุกกรณี ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ซึ่ง Deduct เหล่านี้จะถูกเก็บในกรณีดังต่อไปนี้
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 1. 2,000 บาทแรก ของความเสียหายต่อทรัพย์สิน ในกรณีที่ใช้รถยนต์นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในตาราง
2. 2,000 บาทแรก ของความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอกในกรณีเป็นการประกันภัยประเภทระบุชื่อผู้ขับขี่ หากความเสียหายนั้นเป็นความรับผิดชอบของผู้ขับขี่รถยนต์คันเอา ประกันภัยซึ่งมิใช่ที่ระบุชื่อในกรมธรรม์ประกันภัย
ความเสียหายต่อตัวรถยนต์ 1. 2,000 บาทแรก ของความเสียหายอันเกิดจากอุบัติเหตุแต่ละครั้งจากการชน ในกรณีที่ขับขี่หรือผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ฝ่ายที่ต้องรับผิดตามกฎหมาย

ซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ แตกต่างจากประเภท 1 มากไหม ?

ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ เป็นประกันภัยที่ครอบคลุมที่สุดในประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจทั้งหมดรองจาก ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1+ ที่ขออนุมัติจากทาง คปภ อย่างไรก็ตาม ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ นั้นจะคุ้มครองในส่วนของตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัยในกรณีที่จากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบก ซึ่งหมายถึงรถที่เดินด้วยกำลังเครื่องยนต์โดยใช้พลังงานเชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน ก๊าซ หรือกำลังไฟฟ้า และรวมไปถึงรถไฟ รถราง รวมถึงคุ้มครองรถยนต์ไฟไหม้ และรถยนต์สูญหาย เท่านั้น แต่ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1 นั้น จะคุ้มครองในส่วนของตัวรถยนต์ทุกกรณี (ยกเว้นข้อยกเว้นตามมาตรฐานกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจที่ขออนุมัติจากทาง คปภ.)

ซื้อประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ กับบริษัทอะไรดี ?

ปัจจุบัน บริษัทประกันภัยที่ขายประกันภัยรถยนต์มีทั้งสิ้นเกือบ 50 บริษัทประกันภัยด้วยกัน ซึ่งแต่ละบริษัทก็จะมีจุดแข็งของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ การบริการรวดเร็ว จำนวนสาขาที่ครอบคุลม จำนวนห้างในสัญญา/อู่ในสัญญาที่ครอบคลุม การให้บริการเสริมด้านต่างๆ ค่าเบี้ยแข่งขัน เป็นต้น ซึ่งทางผู้เอาประกันภัยอาจจะต้องมาพิจารณาดูในแต่ละข้อว่าข้อไหนเป็นข้อที่ทางผู้เอาประกันภัยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าหากรู้แล้วก็จะง่ายสำหรับผู้เอาประกันภัยในการพิจารณาเลือกบริษัทประกันภัยรถยนต์ โดยเบื้องต้นทางเราได้มีการคัดกรองบริษัทประกันภัยที่ดีมาให้ทางผู้เอาประกันภัยได้เลือกพิจารณาผ่านช่องทางการเสนอขายผ่านทางออนไลน์ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งทางผู้เอาประกันภัยอาจจะต้อง เลือกประกันภัยที่ทางผู้เอาประกันภัยสบายใจในการซื้อ ซึ่งทางที่ดี ทางผู้เอาประกันภัย ควรจะเลือกซื้อประกันภัยที่ดีที่สุดสำหรับทางผู้เอาประกันภัย ไม่ใช่ประกันภัยที่ถูกที่สุด เนื่องจากการการซื้อประกันภัยรถยนต์นั้น คือการที่ผู้เอาประกันภัยจะได้รับบริการจากผู้ให้ประกันภัยไปอีก 1 ปี ดังนั้น ประกันภัยที่ถูกที่สุด อาจจะไม่ได้ใช่คำตอบสุดท้ายในการเลือกซื้อประกันภัย ซึ่งหากมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามมายังเจ้าหน้าที่ของทางเราได้ตลอด โดยสามารถสอบถามผ่านทาง webchat ของเรา หรือว่าให้เบอร์ติดต่อกลับมายังเราเพื่อให้เจ้าหน้าที่โทรไปให้คำแนะนำเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจเลือกประกันภัยในปีต่ออายุ

ทำไมทุนประกันภัยต่อตัวรถที่เอาประกันภัย ถึงต่ำกว่าราคาตลาดของรถที่ทำประกันมาก ?

เนื่องจากประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ เป็นประกันภัยประเภทประหยัดที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มเติมจากประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 3+ ดังนั้นทุนประกันภัยที่เสนอขายในตลาดส่วนใหญ่ ก็จะให้ทุนประกันภัยอยู่ประมาณ 100,000 - 300,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นการคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ที่เอาประกันภัยไว้ส่วนหนึ่งจากทุนประกันภัยทั้งหมด เพื่อเป็นการประหยัดค่าเบี้ยประกันภัยสำหรับผู้ที่ต้องการให้คุ้มครองในส่วนของรถยนต์ที่เอาประกันภัยในกรณีที่จากอุบัติเหตุที่มีคู่กรณีเป็นยานพาหนะทางบก ซึ่งหมายถึงรถที่เดินด้วยกำลังเครื่องยนต์โดยใช้พลังงานเชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน ก๊าซ หรือกำลังไฟฟ้า และรวมไปถึงรถไฟ รถราง รวมถึงคุ้มครองรถยนต์ไฟไหม้ และรถยนต์สูญหาย เป็นจำนวนหนึ่ง แต่ไม่ต้องการจ่ายค่าเบี้ยที่สูงกว่าสำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 1

ทุนประกันภัยต่อตัวรถ สำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ ซื้อสูงสุดได้เท่าไร ?

โดยปกติแล้วประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ จะอยู่ที่ 100,000 - 300,000 บาท แล้วแต่บริษัทประกันภัย อย่างไรก็ตาม บางบริษัทประกันภัย สามารถเสนอทุนประกันภัยสำหรับประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภท 2+ ได้สูงถึง 80% ของราคาตลาด ณ ปัจจุบันของรถยนต์ที่ทำประกันภัย

ถ้าซื้อเงื่อนไขซ่อมอู่ สามารถเข้าซ่อมอู่ซ่อมสี ที่ไหนก็ได้เลยใช่ไหม ?

อันนี้เป็นข้อที่ผู้เอาประกันภัยส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่าเวลาซื้อประกันภัยซ่อมอู่เช่นกัน แล้วกรณีเกิดอุบัติเหตุ ทางผู้เอาประกันภัยสามารถนำรถไปซ่อมกับ อู่ซ่อมสี ที่ไหนก็ได้ ซึ่งจริงๆแล้ว ผู้เอาประกันภัยสามารถเข้าซ่อมได้เฉพาะ อู่ซ่อมสี ที่เป็นอู่ในสัญญาของประกันภัยของเจ้าที่ผู้เอาประกันภัยใช้บริการเท่านั้น ดังนั้น ก่อนจะซื้อประกันภัยซ่อมอู่ ผู้เอาประกันภัย อาจจะต้องตรวจสอบก่อนว่า ประกันภัยแต่ละยี่ห้อสามารถเข้าอู่ไหนได้บ้าง หรือ ถ้าจะเข้ารับบริการที่อู่ เจ้าไหน อู่เจ้านั้นเป็นอู่ในสัญญาของบริษัทประกันภัยอะไรบ้าง

หากชำระค่าเบี้ยประกันภัยแล้ว รถที่แจ้งทำประกันภัยจะถูกคุ้มครองเลยหรือไม่ ?

โดยปกติแล้ว หากมีการชำระค่าเบี้ยประกันภัยเข้ามาแล้ว ประกันภัยประเภท 2+ จะได้รับความคุ้มครองเหมือนประกันภัยประเภท 3 ก่อน หากจะให้คุ้มครองในส่วนตัวรถยนต์ของทางผู้เอาประกันภัย จะต้องได้รับการตรวจสภาพ หรือถ่ายรูปจากเจ้าหน้าที่ก่อนเท่านั้น หรือ บางบริษัทอาจจะอนุโลมการตรวจสภาพรถยนต์ของผู้เอาประกันภัยเลย โดยทางผู้เอาประกันภัยสามารถสอบถามมายังทางเราได้ว่าบริษัทไหนที่สามารถอนุโลมการตรวจสภาพรถยนต์ได้บ้าง ในกรณีที่อาจจะต้องการความคุ้มครองทันทีในช่วงวันหยุด

หากเกิดอุบัติเหตุ ต้องติดต่อไปที่เบอร์อะไร ?

กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ทุกกรมธรรม์จะมีเบอร์ติดต่อประกันภัยแต่ละเจ้าที่ทางผู้เอาประกันภัยทำด้วยอยู่แล้ว ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นทางผู้เอาประกันสามารถโทรไปยังบริษัทประกันภัย เพื่อดำเนินการให้เจ้าหน้าที่เคลมมาบริการ ณ จุดเกิดเหตุได้ตลอด 24 ชั่วโมง

1.) การระบุค่าเสียหายส่วนแรก

โดยปกติแล้ว การระบุค่าเสียหายส่วนแรกเข้าไปในกรมธรรม์ จะระบุได้ 2,000 บาท เนื่องจากเป็นตัวเลขที่คุ้มค่าที่สุดในการระบุค่าเสียหายส่วนแรก โดยหากมีการระบุค่าเสียหายส่วนแรก 2,000 บาท ก็จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันภัยระดับหนึ่ง จากเบี้ยประกันภัยมาตรฐานของทางบริษัท อย่างไรก็ดี การที่เราระบุค่าเสียหายส่วนแรกเข้าไปนั้น อาจจะทำให้เราเสียผลประโยชน์มากกว่าได้รับผลประโยชน์ก็เป็นได้ อันนี้ขึ้นอยู่กับจำนวนความเสียหายที่เกิดขึ้นในรอบกรมธรรม์นั้น ซึ่งผู้เอาประกันภัยอาจจะต้องคิดคำนวนว่าได้คุ้มเสียหรือไม่ในส่วนนี้ ซึ่งถ้าผู้เอาประกันภัยเป็นผู้ขับขี่ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย ทางเราแนะนำว่าไม่ต้องระบุค่าเสียหายส่วนแรกน่าจะดีกว่า

---

2.) ติดกล้องติดรถยนต์

ติดตั้งกล้องติดรถยนต์พร้อมเมมโมรี่การ์ดที่นอกจากเป็นหลักฐานที่ใช้ในที่เกิดเหตุได้แล้ว ยังได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ทุกชั้นเพิ่มอีก 5-10% จากราคาเบี้ยสุทธิตามประกาศของ คปภ. ซึ่งทางเราแนะนำว่าไม่ว่าจะได้ส่วนลดหรือไม่ได้ส่วนลดในการทำค่าเบี้ยประกันภัย ทางผู้เอาประกันภัยก็ควรติดตั้งกล้องติดรถยนต์ไว้เป็นหลักฐานในการอ้างอิง ณ จุดเกิดเหตุอยู่ดี เนื่องจากปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่ามีคนใช้คลิปจากกล้องติดรถยนต์ในการปฎิเสธข้อกล่าวหาของคู่กรณีได้หลายครั้ง

---